วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ปอร์เช่

PORSCHE
   ปอร์เช่ (เยอรมัน: Porsche พอร์เชอ) เป็นยี่ห้อรถยนต์ของเยอรมนี ผลิตโดยบริษัท Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1931 โดย ดร. แฟร์ดีนันด์ พอร์เชอ (Ferdinand Porsche) วิศวกรชาวออสเตรีย ก่อตั้งบริษัท DR.ING.H.V. PORSCHE AG และผลิตรถยนต์จำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1948 และใช้ตราประจำเมืองชตุทท์การ์ท (Stuttgart) อันเป็นที่ตั้งโรงงานเป็นสัญลักษณ์
Dr. Ing. h.c. F. Porsche AG
ก่อตั้ง1931
ผู้ก่อตั้งแฟร์ดีนันด์ พอร์เชอ
ที่อยู่ชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี
พื้นที่ที่ให้บริการทั่วโลก
บุคลากรหลักมัทเทียส มึลเลอร์ประธาน
อุตสาหกรรมอุตสาหกรรมยานยนต์
ผลิตภัณฑ์รถยนต์
บริการรถยนต์ , บริการด้านเซอร์วิสเครื่องยนต์
รายได้€10,928 ล้าน (งบประมาณปี 2011)
รายได้จากการดำเนินงาน€2,045 ล้าน (งบประมาณปี 2011)
เจ้าของVolkswagen Group
พนักงาน12,202 (2007)
บริษัทแม่Porsche Automobil Holding SE
บริษัทในเครือMieschke Hofmann und Partner (81.8%)
Porsche Consulting group

ปัจจุบันได้ผลิตรถยนต์ เช่น ปอร์เช่ 911 (991), ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ปอร์เช่ คาเยนน์ปอร์เช่ เคย์แมน ล่าสุดคือ ปอร์เช่ เคย์แมน จีที4 ที่เปิดตัวไปเมื่อค.ศ. 2015
   สำหรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ในประเทศไทย ได้มีการจัดซื้อลิขสิทธิ์นิตยสาร GT Porsche จากต่างประเทศ โดยบริษัท 2000 พับลิชชิ่ง แอนด์ มีเดีย จำกัด ดำเนินการนำมาแปลเป็นภาษาไทย โดยนับเป็นนิตยสารหัวเดียวในไทยที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์สัญชาตเยอรมนียี่ห้อนี้ไว้อย่างครบถ้วนทั้งรุ่นคลาสสิกกระทั่งถึงรุ่นโมเดิร์น


6 อย่างต้องซื้อที่เยอรมนี

หากพูดถึงสินค้าจากประเทศเยอรมนี สิ่งแรกที่ทุกคนมักจะนึกถึงก็คือคุณภาพ ความทนทาน และกลไกที่ทันสมัยใช่ไหมครั
.
ตัวอย่างที่เราเห็นกันอยู่แทบทุกวันคงจะหนีไม่พ้นรถยนต์ ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยนี่แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นรถยี่ห้อ BMW, Mercedez Benz, Porsche และ Volkswagen เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นรถสัญชาติเยอรมันทั้งนั้นครับ
.
แต่ถ้าจะให้นักท่องเที่ยวไทยไปสั่งซื้อรถในขณะที่ไปเที่ยวก็คงจะเป็นเรื่องยากเกินไป ผมจึงอยากจะมาแนะนำของดีเมืองเยอรมัน ที่สามารถนำกลับประเทศไทยได้ง่ายๆดังนี้ครับ
.
.
1. Adidas (อาดิดาส)
.
เมื่อพูดถึงเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬา เชื่อว่าหลายคนจะต้องรู้จักรองเท้ายี่ห้อ Adidas เพราะเป็นรองเท้าที่ทั้งใส่สบาย และยังสวยงามอีกด้วย โดยเฉพาะรุ่น Stan Smiths ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากในหมู่ fashion blogger ทั่วโลกครับ
.
เจ้ารองเท้ายี่ห้อนี้ ถือกำเนิดขึ้นที่เมือง Herzogenaurach แคว้น Bavaria ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี โดย Adolf Dassler เป็นผู้จดทะเบียนการค้า หลังจากที่ทะเลาะแย่งสมบัติกับพี่ชาย Rudolf Dassler ซึ่งแยกตัวไปเปิดอีกบริษัทเพื่อมาแข่งกับน้องชาย และบริษัทนั้นก็คือ Puma นั่นเองครับ
.
.
2. Rimowa (ริโมว่า)
.
กระเป๋าเดินทางสุดฮอตจากประเทศเยอรมนี ที่ขนาดซุปตาร์อย่าง คุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ยังใช้ยกเช็ตเลยครับ
.
จุดเด่นของ Rimowa คือ ความเบา และความทนทาน ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตนั่นก็คือ อะลูมิเนียม และ โพลีคาร์บอเนต ที่ช่วยให้กระเป๋ามีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแรงอย่างมาก จึงเป็นที่ใฝ่ฝันของนักเดินทางหลายคน แต่ติดปัญหาอยู่ที่ราคานี่แหละครับ ใบนึงอย่างถูกๆก็เป็นหมื่นเลย แต่ถ้าคุณซื้อกระเป๋า Rimowa ที่ประเทศเยอรมนี ก็จะได้ราคาที่ถูกกว่ามาก และมีแบบให้เลือกเยอะกว่า แถมยังทำคืนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวได้อีกด้วยครับ
.
.
3. Jack Wolfskin (แจ็ค วูฟสกิน)
.
เสื้อผ้ากันหนาว และกิจกรรม Outdoor ที่คุณภาพดีสมราคา และยังออกแบบทันสมัยสวยงาม มีสีสันสดใส และไม่เทอะทะอีกด้วย เสื้อผ้าของ Jack Wolfskin จึงเป็นที่นิยมมากในหมู่คนหนุ่มสาวครับ
.
บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องซื้อเสื้อกันหนาวต่างประเทศด้วย ซื้อของไทยก็ได้ แบบไหนก็ใส่กันหนาวได้เหมือนกัน
.
ความจริงแล้วไม่เหมือนกันเท่าไหร่ครับ เสื้อกันหนาวที่ขายในเมืองไทยส่วนใหญ่ จะเป็นผ้าที่กันหนาวได้ระดับนึงเท่านั้น ประมาณแอร์ที่บ้าน 23ºC แบบนี้เอาอยู่ครับ แต่จะให้ใส่ไปขึ้นเขาที่อุณหภูมิติดลบเห็นทีคงไม่ไหว สำหรับคนที่จะไปเที่ยวแนะนำให้เลือกเสื้อกันหนาวที่เหมาะกับอากาศหนาวแบบยุโรปจริงๆดีกว่า รับรองว่าคุณจะไม่ป่วยระหว่างทริปแน่นอนครับ
.
นอกจากนี้ เสื้อกันหนาวที่เยอรมนียังมีให้เลือกเยอะกว่า และมีแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับกิจกรรมอีกด้วยครับ เช่น เสื้อผ้ากันหนาวแบบอยู่ในเมืองที่เน้นความสวยงาม เหมาะกับการใส่ทำงาน หรือเดินเที่ยวเล่น ไปจนถึงเสื้อผ้ากันหนาวสำหรับเที่ยวต่างจังหวัด เหมาะสำหรับกันลมแรงๆ เอาไว้ใส่ขี่จักยาน หรือ เล่นสกี เป็นต้น เสื้อกันหนาวเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับอุณหภูมิ และการใช้งานของกิจกรรมนั้นๆ จะแตกต่างกันที่การออกแบบ และวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำเสื้อผ้าเท่านั้นเองครับ
.
.
4. Zwiling (สวิลลิง)
.
สำหรับผู้ที่รักการทำอาหาร คงไม่มีใครไม่รู้จักเครื่องครัว แบรนด์ Zwilling ซึ่งแปลว่า “แผด” มีดยี่ห้อนี้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษ เพราะทั้งคม และสวยงาม ถึงราคาจะสูงสักหน่อย แต่รับรองว่าทนทานแน่นอนครับ สามารถหาซื้อได้ที่แผนกเครื่องครัวในห้างชั้นนำทั่วไป ในประเทศเยอรมนี ถ้าโชคดีอาจจะไปเจอช่วงลดราคาด้วยครับ
.
.
5. Hugo Boss (ฮูโก บอส)
.
แบรด์เสื้อผ้าคุณภาพสุดเนี๊ยบของเยอรมนี ที่เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Hugo Boss ได้เคยออกแบบเครื่องแบบให้แก่กองทัพนาซีมาก่อน ด้วยฝีมือการตัดเย็บที่ละเอียดเมื่อสงครามจบลงบริษัท Hugo Boss จึงก็หันมาออกแบบเสื้อผ้าใส่ทำงานแทน ถึงทุกวันนี้แบรนด์ Hugo Buss ก็ยังคงเป็นแบรนด์ชั้นนำในด้านเสื้อผ้าใส่ทำงาน สำหรับทั้งหญิง และชาย ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และได้เพิ่มเสื้อผ้าใส่ลำลอง กับน้ำหอมเข้ามาด้วยครับ
.
ในปีนี้ถ้าคุณเป็นแฟนฟุตบอลคุณจะเห็นทีมชาติเยอรมันใส่ชุดสูทใน UEA EURO 2016 แน่นอนครับ
.
.
6. Leica (ไลก้า)
.
กล้อง Leica เป็นกล้องคุณภาพสูงที่มีน้ำหนักเบา เกิดขึ้นจากการเป็นกล้อง compact ที่เอาไว้ถ่ายวิว เน้นการพกพาและใช้งานง่าย เป็นที่นิยมของช่างภาพแนววิถีชีวิต street photography และช่างภาพสงครามชื่อก้องโลกหลายคน เช่น Larry Burrows และ Henri Cartier-Bresson เป็นต้นครับ
.
นอกจากนี้กล้อง Leica ยังเป็นที่ต้องการของนักสะสมอีกด้วย อย่างกล้อง Leica ปี 1923 ที่แสนจะหายาก ถูกประมูลสูงถึง 2.6 ล้านยูโร ที่กรุงเวียนนา Leica จึงถือว่าเป็นกล้องที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆครับ
.
.
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถลดภาษี (Tax Refund) ได้ถึง 19% เมื่อซื้อของ 25 ยูโร ขึ้นไปครับ และแนะนำให้คืนเงินเข้าในบัตรเครดิตดีกว่า เพราะถ้าคืนเป็นเงินสดจะถูกชาร์จค่าบริการครับ
.
สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวเยอรมนี ก็คงจะทราบแล้วนะครับว่าควรจะซื้ออะไรบ้าง ขอให้ทุกท่านสนุกกับการท่องเที่ยวนะครับ

เที่ยวเยอรมันเมืองไหนดี

เที่ยวเยอรมัน เมืองไหนดี ต้อง 8 เมืองนี้สิ! ที่เที่ยวเยอรมันสุดฮิต

   เตรียมกระเป๋าเดินทางไปทัวร์เยอรมัน เยือนสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เยี่ยมชมปราสาทสวยชวนฝัน มรดกโลก จิบเบียร์ฟินทิวทัศน์ ณ เมืองดัง
หากคุณกำลังคิดอยากไปเที่ยวเยอรมัน แดนในฝันแห่งยุโรปกลาง แต่เลือกไม่ถูกว่าจะไปเมืองไหนดี เสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner ขอแนะนำ 8 เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตในเยอรมันที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสวยน่าจดจำ รับรองว่าคุ้มค่าต่อการเดินทางไปเที่ยวเยอรมัน จนคุณอยากลับมารีวิวเที่ยวเยอรมันเองให้ใครต่อใครฟังเลยล่ะ
เยอรมัน อีกหนึ่งประเทศยอดฮิตในยุโรปที่ควรหาโอกาสไปเยือนซักครั้งในชีวิต ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของยุโรป และเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปด้วยสกุลเงินในเยอรมันจึงเป็นยูโร เศรษฐกิจที่นี่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีการนำเข้าส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 แถมดัชนีพัฒนาการมนุษย์นั้นก็สูงเอามากๆ เลยทีเดียว ความเจริญของเยอรมัน สถาปัตยกรรม กับภูมิประเทศที่ตั้งซึ่งเต็มไปด้วยที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามนั้น ได้ดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลกให้อยากไปท่องเที่ยวเยอรมันอย่างไม่ขาดสาย ไม่เพียงเท่านี้ การท่องเที่ยวเยอรมันนั้น จะไปฤดูใดก็มีสถานที่เที่ยวสวยๆ ให้เราไปเยือน
การเดินทางไปเยอรมัน เมื่อได้วีซ่าเชงเกนแล้ว มีเที่ยวบินไปเยอรมัน บินตรงจากกรุงเทพถึงแฟรงค์เฟิร์ต ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง หรือกรุงเทพถึงเบอร์ลิน ใช้เวลาประมาณ 13 – 18 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจุดแวะพักของแต่ละสายการบิน ซึ่งมีหลากหลายสายการบินให้เลือกจองล่วงหน้าก่อนการเดินทางในราคาประหยัด
ตั๋วเครื่องบินไปเยอรมัน เริ่มต้น 12,xxx
ทิปส์เพื่อไม่พลาดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน
มีหลายที่เที่ยวที่อยากไปหรือเปิดใจไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ที่ค่าตั๋วราคาพิเศษสุด แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยระบุปลายทางเป็น “ทุกที่” ทีนี้คุณก็จะได้เทียบราคาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปแต่ละประเทศ อ่านเพิ่มเติม
มีที่เที่ยวที่อยากบินไปในช่วงใดช่วงหนึ่ง แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยเลือกเดือนที่ต้องการบินไปเที่ยว คุณก็จะได้เทียบราคาตั๋วบินขาไปและขากลับในแต่ละวัน ซึ่งทำให้ไม่พลาดบินวันที่มีโปรตั๋วที่ถูกที่สุด อ่านเพิ่มเติม
มีที่เที่ยวที่อยากบินไปแต่บินเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีวันบินหรือเดือนที่บินชัดเจน แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยเลือก “เดือนที่ราคาถูกที่สุด” แล้วคุณก็จะได้รู้ว่าเดือนไหนมีโปรเด็ดสุด อ่านเพิ่มเติม
มีที่เที่ยวที่อยากบินไปและมีวันที่ต้องการบินโดยเฉพาะ แค่ค้นหาที่เว็บ Skyscanner โดยเลือกวันที่ต้องการบิน จากนั้นก็สมัคร “รับบริการแจ้งเตือนราคา” ในหน้าแสดงผลการค้นหา เมื่อราคาตั๋วเปลี่ยนแปลง ก็จะมีอีเมลส่งตรงถึงคุณ ช่วยให้ไม่พลาดโปรตั๋ว อ่านเพิ่มเติม
การเดินทางในเยอรมัน มีหลากหลายวิธีที่นิยมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟสุดแสนโรแมนติค รถประจำทาง รถราง ปั่นจักรยาน เช่ารถยนต์ขับเองหรือแม้แต่เรือเฟอร์รารี่ก็มีบริการ ซึ่งระบบการเดินทางภายในของเยอรมันเน้นไปที่ความปลอดภัยและการประหยัดเวลาในการรอ จึงมีเวลาที่แน่นอนของการเดินรถ ช่วยให้วางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น
โรงแรมที่พักในเยอรมัน มีหลากหลายระดับให้เลือก ทั้งแบบโฮสเตล นอนรวมในราคาประหยัด หรือโรงแรมและรีสอร์ทระดับ 5 ดาว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้คอยบริการอย่างครบครันในราคาที่สูงกว่าโฮสเตล แต่ก็ไม่แตกต่างจากประเทศไทยมากเท่าไหร่นัก สามารถค้นหาเปรียบเทียบราคาที่พักในเยอรมันและจองล่วงหน้าก่อนการเดินทางได้ด้วย

ท็อปเมืองท่องเที่ยว

เบอร์ลิน (Berlin)

Brandenburger Tor เบอร์ลิน
เมืองหลวงแห่งประวัติศาสตร์ อดีตสัญลักษณ์สำคัญของการแบ่งโลกเป็นสองขั้วอำนาจ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บนแม่น้ำสปรีและฮาเฟลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี โอบล้อมด้วยรัฐบรานเดนบวร์ก มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่โลกต้องจดจำ เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เบอร์ลินได้ถูกแบ่งออกเป็นสองประเทศ และในช่วงภาวะตึงเครียดของสงครามเย็น กำแพงเบอร์ลินก็ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นเขตแดนแบ่งความเป็นเยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออก เรียกว่าเมื่ออย่างเข้าสู่เบอร์ลินคุณจะได้สัมผัสถึงร่องรอยแห่งอดีตที่หลงเหลือไว้เป็นสถาปัตยกรรมอันงดงามมากมายหลายแห่ง หนึ่งแห่งที่สำคัญและหากมาแล้วไม่ไปเยือนก็เหมือนว่ามาไม่ถึงเบอร์ลิน ก็คือ ประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburger Tor) สัญลักษณ์สำคัญของเมือง ที่ยังหลงเหลือเส้นแนวกำแพงเดิมให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้เห็นถึงอดีตอันเลวร้ายของสงคราม นอกจากสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ที่น่าไปเยือนแล้ว เบอร์ลินยังมีศูนย์กลางความบันเทิงอันทันสมัยอย่างหอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (Fernsehturm) ที่อเล็กซานเดอร์พลาทซ์ (Potsdamer Platz) อาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป คุณสามารถมองเห็นหอโทรทัศน์แห่งนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือง นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปนั่งรับประทานอาหารกินลมชมวิวเมืองเบอร์ลินกันแบบชิลๆ
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การไปทัวร์เบอร์ลิน คือมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่อบอุ่นที่สุด อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 16.7 - 17.9°C เท่านั้น แต่หากอยากไปพบกับหิมะและอากาศหนาว ช่วงตุลาคมและพฤศจิกายนเป็นช่วงที่เริ่มหนาวอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4 - 6°C ช่วงที่หนาวที่สุดอุณหภูมิติดลบ คือ ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ จะไปช่วงเวลาใด ต้องไม่ลืมเตรียมเสื้อผ้าให้เข้ากับฤดูกาล

ฮัมบูร์ก (Hamburg)

พิพิธภัณฑ์เคชไปเคอร์ บี ฮัมบูร์ก
เมืองท่าใหญ่อันดับสองของเยอรมัน ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของคาบสมุทรจั๊ดแลนด์ในยุโรป ได้รับการขนานนามว่า “ประตูสู่โลก” (Gateway to the World) เพราะมีท่าเรือขนาดใหญ่และมีความคึกคักมากเป็นอันดับสองของสหภาพยุโรปอย่างท่าเรือฮัมบูร์ก ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญและถือเป็นหนึ่งใน เมืองที่รวยที่สุดในยุโรปไปโดยปริยาย แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจจึงหนีไม่พ้นบริเวณท่าเรือ เมื่อคุณก้าวเท้าเข้าสู่เมืองนี้ คุณจะได้พบกับห้างร้านที่สำคัญๆ ของเยอรมนี และสถาบันการเงินหลายต่อหลายแห่ง รวมถึงธนาคารที่เก่าแก่ในเยอรมันอย่าง ธนาคารแบร์มเบริก นักท่องเที่ยวนิยมแวะเดินเที่ยวกินบรรยากาศเก่าๆ ที่ย่านซังท์เพาลี (St. Pauli) ย่านเก่าแก่ของเมือง ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อ ย่านแสงสีแดง (Red-Light District) และเที่ยวชมความงดงามของเหล่าอาคารคลังสินค้าที่สร้างขึ้นจากอิฐสีแดงที่โกดังชไปเคอชตัท (Speicherstadt ) โดยหนึ่งในคลังสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดที่ชื่อว่า เคชไปเคอร์ บี (Kaispeicher B) ได้กลายมาเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์การเดินเรือระหว่างประเทศในปัจจุบัน
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นช่วงที่ฮัมบูร์กมีสภาพอากาศอบอุ่นเย็นสบาย เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ถือโอกาสหนีร้อนตับแล่บจากไทยไปพึ่งอากาศอุ่นๆ เย็นๆ ก็เป็นการดีไม่ใช่น้อย หรือช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคมที่เป็นฤดูร้อนของฮัมบูรก์ก็ยังสามารถตะลอนทัวร์ได้อย่างสบายๆ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 20.1 - 23.5°C ก็ถือว่าไม่ร้อนมากเท่าไหร่ แต่ถ้าชอบอากาศหนาวแบบสุดขั้วต้องไปช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่เป็นฤดูหนาว ต้องบอกก่อนเลยว่าเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์อากาศติดลบถึง 9°C เลยทีเดียว คงต้องเตรียมเสื้อกันหนาวไปหลายสิบตัวถึงจะเอาอยู่

เดรสเดิน (Dresden)

เมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเอลเบอ (Elbe River) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงเบอร์ลิน เป็นเมืองเก่าอีกแห่งที่เต็มไปด้วยความสวยงามและน่าสนใจ แบ่งเขตเมืองออกเป็นเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ เขตเมืองเก่า เรียกว่า ออลท์แสตดท์ (Altstadt) เป็นส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวมีดีกรีได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม และขอบอกว่าเมื่อคุณมาถึงอาณาบริเวณเขตเมืองเก่า คุณจะไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่ถึงได้รับการขึ้นทะเบียน แทบทุกจุดของเขตเมืองเก่า เต็มไปด้วยความสวยงามที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากความเสียหายจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนงดงามน่าทึ่ง รับรองว่าคุณจะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเก็บบรรยากาศความงามกันแทบไม่ทัน แหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเก็บภาพความทรงจำ เริ่มต้นที่บริเวณ “ตลาดใหม่นอยมาร์ค” (Neumarkt) เพราะบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ฟราวเอนเคียเช่อ (Frauenkirche) โบสถ์โปรเตสแตนท์สายตรงจากมาร์ติน ลูเธอร์ ที่ได้รับการบูรณะใหม่จนสวยงาม และที่ด้านหน้าโบสถ์จะมีอนุสาวรีย์ของมาร์ติน ลูเธอร์ตั้งอยู่ด้วย อีกหนึ่งจุดที่งดงามและน่าสนใจไม่แพ้กันคือ เฟอร์เต็นซูก (The Fürstenzug) กำแพงที่ได้รับการประดับประดาด้วยกระเบื้องที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 101 เมตร แต่เดิมเป็นภาพเขียนสีบรรยายถึงขบวนเสด็จของเจ้าแห่งแซกโซนี (Saxony) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนถึงองค์สุดท้ายในศตวรรษที่ 20 และผู้สืบทอดราชวงศ์ Wettins แต่ด้วยสภาพอากาศและกาลเวลาทำให้ภาพเขียนสีเกิดความเสียหายและถูกลดทอนความงดงามลงไปมาก ในปี ค.ศ. 1907 จึงได้มีการนำกระเบื้องเคลือบพอร์ชเลนกว่า 25,000 ชิ้น มาปิดทับแทน และตั้งแต่นั้นมากำแพงแห่งนี้ก็คงความงดงามรอนักเที่ยวมาเยี่ยมชมจนถึงปัจจุบัน
ไปเที่ยวช่วงไหนดี เดือนมีนาคมไปจนถึงพฤษภาคม อยู่ในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ อากาศค่อนข้างอบอุ่น อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 10 - 20°C เหมาะแก่การเดินทางไปท่องเที่ยวดริสเดน เพราะอากาศเย็นสบายกำลังดี ไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อหนาวไปมากมาย แต่ถ้าหากเป็นช่วงตุลาคมและพฤศจิกายนเป็นต้นไปนั้น จะเป็นช่วงของฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4 - 6°C ถ้าชอบอากาศหนาวเย็นไปช่วงของหน้าหนาวก็จะได้สัมผัสความเย็นแบบสุดๆ ยิ่งในธันวาคมไปถึงกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงหนาวสุดๆ อุณหภูมิติดลบด้วยนะ ต้องเตรียมเสื้อผ้าในการออกทริปดีๆ

โคโลญจน์ (Cologne)

Cologne Cathedral
เมืองแห่งน้ำหอมและมหาวิหารสวยงามและยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ จัดเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดของเยอรมัน สร้างขึ้นโดยชาวโรมันตั้งแต่สมัย ค.ศ. 50 กันเลยทีเดียว มหาวิหารสำคัญของเมือง ที่ชื่อว่า เคิล์นโดม (Cologne Cathedral) เป็นมหาวิหารโคโลญจน์แห่งเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี 2536 จัดเป็นไฮไลท์ของเมืองที่นักเที่ยวไปเที่ยวชมมากที่สุด วิหารแห่งนี้ ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 600 ปีเชียวนะ และปัจจุบันก็ยังมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่ตลอด เมื่อคุณไปหยุดยืนยังบริเวณของมหาวิหาร คุณจะสัมผัสได้ถึงความงดงาม อลังการและยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม โดมแฝดใหญ่ยักษ์สไตล์โกธิคที่ใหญ่และสูงที่สุดในสมัยอดีต เมื่อถ่ายรูปคู่กับตัววิหารทั้งหมด คุณจะพบว่าตัวเองตัวเล็กนิดเดียว บริเวณใกล้กับวิหาร จะมีสะพานสายสำคัญทอดยาวข้ามแม่น้ำไรน์ เชื่อมตัวเมืองโคโลญจน์ทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน นั่นคือ สะพานโฮเฮนโซลแลร์นบรุคเคอ (Hohenzollernbrucke) เป็นอีกไฮไลท์ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด บริเวณราวสะพานจะเต็มไปด้วยกุญแจของเหล่าคู่รักนักท่องเที่ยวที่นำมาติดไว้มากมาย เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของการมาเยือนโคโลญจน์ ยังไม่หมดแค่นั้นนะ โคโลญจน์ยังมีพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตบนตึกลอยน้ำริมแม่น้ำไรน์ มีดีที่น้ำพุช็อกโกแลต คุณจะได้เจอเจ้าหน้าที่ใจดีคอยนำวาฟเฟิลอุ่นๆ มาให้จุ่มกับช็อคโกแลตทานเล่นระหว่างเดินเที่ยวชมในพิพิธภัณฑ์ และอย่าลืมแวะช้อปปิ้งน้ำหอมที่ “ออดิโคโลญจน์ 4711” จะได้ไม่เสียที ที่มาเที่ยวเมืองน้ำหอม
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ช่วงเดือนมิถุนายน จนถึงเดือนสิงหาคม เป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศอุ่นกำลังดี อุณหภูมิอยู่ที 18 - 20°C เหมาะแก่คนที่ไม่ชอบเที่ยวในอากาศหนาวจัด ช่วงเดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน เป็นอีกช่วงที่น่าเที่ยวไม่แพ้กัน เป็นช่วงของฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นลงดอกไม้เริ่มเปลี่ยนสีสวยงาม แต่อาจจะประสบพบเจอกับฝนบ้าง มาช่วงนี้จึงควรเตรียมเสื้อกันฝนหรือพกร่มกันไว้บ้าง

มิวนิค (Munich)

Frauenkirche
เมืองที่ได้รับการขนานนามเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์เยอรมัน อยู่ทางใต้ของประเทศ ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่เบียร์ เมืองแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในประเทศเยอรมนีเชียวนะ และยังเป็นบ้านของทีมฟุตบอลมืออาชีพที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่างสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิกอีกต่างหาก มิวนิคเป็นเมืองที่ร่ำรวยศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบบารอก เต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายของวัฒนธรรมแบบบาวาเรียนแท้ๆ เมื่อก้าวเท้าเข้าสู่เขตเมืองมิวนิค คุณจะได้เห็นโบสถ์รูปทรงโดมแฝดคู่หนึ่ง สูงตระหง่านท่ามกลางท้องฟ้ากว้าง โบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า โบสถ์เฟราเอ่นเคียร์ชเช่อ (Frauenkirche) โกธิก โบสถ์พระแม่มารีทรงหัวหอมคู่ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก สร้างตามแบบฉบับโกธิก เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเมืองนี้ไม่คืและด้วยความเป็นเมืองหลวงแห่งเบียร์ มาเยือนมิวนิคทั้งทีต้องไม่พลาดชมโรงเบียร์แบบพื้นเมืองเยอรมันฮอฟบราวเฮาส์ ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสพลาตเซิลในตัวเมืองมิวนิค และหากมาช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นไป คุณจะมีโอกาสได้เข้าร่วมงานเทศกาลเบียร์เยอรมัน อ็อกโทเบอร์เฟสต์(Oktoberfest) เทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดขึ้นทุกปี
ไปเที่ยวช่วงไหนดี มิวนิกมีสภาพอากาศแบบภาคพื้นทวีป อุณหภูมิช่วงกลางวันและกลางคืนค่อนข้างแตกต่างกัน และอุณหภูมิในแต่ละฤดูสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่ารวดเร็วเพราะอิทธิพลลมอุ่นจากเทือกเขาแอลป์ ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การไปทัวร์ท่องเที่ยวมิวนิค คือ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 - 22°C ช่วงที่ร้อนที่สุดจะอยู่ในเดือนกรกฎาคม และช่วงที่หนาวที่สุดคือ เดือนมกราคม ช่วงฤดูหนาวจะอยู่ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ซึ่งบางครั้งอาจมีฝนตกหนักในฤดูนี้ด้วย ไปเที่ยวฤดูร้อนจึงเหมาะกว่า ไม่ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวมากมายให้หนักกระเป๋า

แฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt)

Romerberg Square เยอรมัน
เมืองแห่งศูนย์กลางการเงิน ตั้งอยู่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมน์ ทางตะวันตกของประเทศ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการเงินการธนาคารของโลก รวมถึงเป็นที่ตั้งของธนาคารกลางยุโรป ตลาดหลักทรัพย์ของเยอรมนี และสถาบันการเงินนานาชาติอีกกว่า 300 แห่ง สนามบินแฟรงค์เฟิร์ตจัดเป็นสนามบินที่มีความคับคั่งของการจราจรทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะเมืองแห่งนี้ได้เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสนามบินและรถไฟ ทำให้คุณสามารถเดินทางเข้าออกจากเมืองนี้ไปยังเมืองต่างๆ ของเยอรมันได้อย่างง่ายดาย ที่นี่จึงมีอาคารแสดงสินค้าที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากที่สุดในเยอรมัน มีการจัดงานแสดงสินค้าต่างๆ มากมาย เช่น งานแสดงสินค้าตกแต่งบ้าน งานแสดงสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาส หากคุณไปเยือนในช่วงเวลาการจัดงานดังกล่าว ก็จะพบกับความอลังการยิ่งใหญ่ของขบวนสินค้าหลากหลาย ที่รอให้คุณได้ช้อปปิ้งกลับไป แฟรงค์เฟิร์ตอาจดูเป็นเมืองที่มีความทันสมัย เต็มไปด้วยอาคารสูงตามแบบฉบับเมืองใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ที่มีเรื่องราวความเป็นมาน่าสนใจไม่แพ้เมืองอื่นๆ อย่างมหาวิหารเซนท์บาร์โทโลมิว (Saint Bartholomew) มหาวิหารที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค และโบสถ์เซนต์พอล (Saint Paul) อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ และสัญลักษณ์ทางการเมือง เพราะเคยเป็นที่เลือกตั้งตามระบบรัฐธรรมนูญแห่งแรกของเยอรมันและที่เมืองนี้ยังสวนพฤกษศาสตร์ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และสัตว์นานาชนิดให้ได้ไปพักผ่อนหย่อนใจ เรียกว่าในความพลุกพล่านของเมืองยังมีความสงบ
ไปเที่ยวช่วงไหนดี แฟรงค์เฟิร์ต มีลักษณะอากาศแบบมหาสมุทรคือ มีอุณหูมิต่ำในช่วงฤดูหนาว และมีอุณหภูมิอบอุ่นขึ้นในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยประจำปีของที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 10.1°C ช่วงฤดูหนาวจะอยู่ระหว่างเดือนเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดช่วงเดือนมกราคมอยู่ที่ประมาณ 1.4°C ช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนสิงหาคม เป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศอุ่นกำลังดี เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด โดยอุณหภูมิอยู่ที 18 - 20°C เท่านั้น

ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg)

Karl Theodor เยอรมัน
เมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ อายุกว่า 600 ปี ไฮเดลเบิร์กอยู่ทางตอนใต้ของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต วางตัวอยู่บนบนเนินเขา ซึ่งมีแม่น้ำเนคการ์ไหลผ่าน เป็นเมืองที่สุดแสนจะคลาสสิคและโรแมนติคอย่าบอกใคร มีการแบ่งเขตออกเป็นเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ เมื่อคุณย่างเข้าไปยังบริเวณตัวเมืองเก่า คุณจะพบบ้านเรือนสวยงามกับสถาปัตยกรรมเก่าๆ ตั้งอยู่เรียงราย โดยมีแม่น้ำเนคคาร์ (Neckar) แม่น้ำสายหลักของเมืองคั่นกลาง และยังได้พบกับปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle) ปราสาทเก่าแก่ไฮไลท์เด่นของเมือง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก การเดินทางขึ้นไปยังปราสาททำได้ 2 วิธี คือ เดินขึ้นไปหรือนั่งรถราง เมื่อเท้าคุณก้าวย่างสู่เขตปราสาทคุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายและเสน่ห์ชวนหลงใหล กับธรรมชาติสวยงามแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในเทพนิยายหรือไม่ก็กำลังอยู่ในยุคของลอร์ดออฟแลนด์ที่มีอัศวิน เจ้าชาย และเจ้าหญิง ภายในปราสาทมีห้องเก็บไวน์ที่มีถังบ่มไวน์ขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่า Great Barrel และเมื่อกลับลงมาจากปราสาท คุณจะได้พบกับเอกลักษณ์อีกแห่งของไฮเดลเบิร์ก นั่นคือ สะพานคาล ธีโอดอร์ ฮ้อยส์ บรุคเคอ (Karl-Theodor-Heuss Brücke) สะพานเก่าแก่ของเมืองที่เชื่อมเมืองทั้งสองฝั่งแม่น้ำไว้ด้วยกัน
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ไฮเดลเบิร์กมีสภาพอากาศแบบภาคพื้นทวีปใกล้เคียงกับกับมิวนิคเพราะอยู่ทางตอนใต้เหมือนกัน อากาศช่วงกลางวันและกลางคืนค่อนข้างแตกต่าง และเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วจากอิทธิพลลมอุ่นจากเทือกเขาแอลป์ ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การไปเที่ยวคือ เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 - 22°C

พอทสดัม (Potsdam)

Sanssoucci Palace เยอรมัน
เมืองมรดกโลกของเยอรมัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำฮาเฟิล ทางตะวันออกของประเทศ มีชายแดนติดกับเบอร์ลิน เมืองแห่งนี้อุดมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีทะเลสาบเชื่อมต่ออยู่ทั่วทั้งพื้นที่ของเมือง สถาปัตยกรรมของเมืองแห่งนี้อย่างหมู่บ้านดัตช์ ที่มีบ้านเรือนจำนวน 134 หลัง ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสามชั้นในสไตล์แบบดัตช์ เป็นเหมือนกับแม่แหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมและเก็บภาพประทับใจกลับไป เมืองแห่งนี้โดดเด่นในความงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมพระราชวังซองส์ ซูซี (Sanssoucci Palace) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายใต้ชื่อ "พระราชวังและสวนแห่งพอทสดัมและเบอร์ลิน" เมื่อย่างเท้าเข้าไปยังบริเวณ จะพบความสวยงามให้ความรู้สึกไร้กังวลเหมือนดั่งความหมายของชื่อพระราชวัง ความงดงามของพระราชวังแห่งนี้ทำให้ถูกจัดเป็นคู่แข่งกับพระราชวังแวร์ซายส์ที่ฝรั่งเศสกันเลยทีเดียว แต่ซองส์ ซูซี มีเอกลักษณ์ในความที่ดูเป็นส่วนตัวมากกว่า และรูปสถาปัตยกรรมเป็นแบบบารอก พระราชวังอีกหนึ่งแห่งที่น่าท่องเที่ยวไม่แพ้กันคือ Orangery Palace (Orangerieschloss) เป็นพระราชวังสไตล์อิตาเลียนเรอเนสซองส์สร้างโดยพระเจ้าฟรีดริชที่ 4 มีไว้ต้อนรับแขกบบ้านแขกเมืองในอดีต และชื่อเกี่ยวกับส้มเพราะมีการปลูกสวนส้มไว้เป็นที่เดินเล่นชมวิว นอกจากพระราชวังสวยๆ พอทสดัมยังมีสถานที่แห่งความทรงจำให้หวนนึกถึงอดีตการแบ่งแยกประเทศ อย่างสะพานกลีนิเคอ (Glienicker Brücke / The Bridge of Spies) สะพานข้ามแดนระหว่างโลกตะวันตกกับตะวันออกในอดีต ที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเยอรมันที่ดึงดูดใจผู้คนจากทั่วโลก
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ด้วยเขตแดนที่อยู่ติดกับเบอร์ลิน พอทสดัมจึงมีสภาพอากาศที่ไม่แตกต่างจากเบอร์ลินเท่าไหร่นัก ช่วงเดือนที่เหมาะแก่การไปเที่ยว คือมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม เพราะเป็นช่วงที่อบอุ่นที่สุด อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 16.7 - 17.9°C ส่วนอากาศหนาวคือ ช่วงตุลาคมและพฤศจิกายนอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4 - 6°C และช่วงที่หนาวที่สุดอุณหภูมิติดลบ คือ ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ หากชอบอากาศเย็นกำลังดีไปช่วงกลางปีจะเหมาะสมที่สุด